ประเภทบัญชีเงินฝาก ในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบมีทั้งฝากระยะสั้น หรือแม้กระทั้งการฝากแบบ ระยะยาว อีกทั้งธนาคารแต่ละที่ก็จะมีนโยบาลในการฝากที่แตกต่างกันออกไป ทั้งระยะเวลาในการฝากเงิน และอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นทุกคนควรที่จะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ประเภทบัญชีเงินฝาก ว่าแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันยังไง แบบไหนที่จะเหมาะกับการฝากเงินของคุณ
#1 เงินฝากออมทรัพย์
เป็นบัญชีที่เหมาะสำหรับบุคคลที่ออมรายย่อย โดยที่ประเภทนี้จะไม่มีกำหนดยอดเงินฝากขั้นต่ำ รวมทั้งไม่มีกำหนดระยะเวลาในการรับฝาก มีความคล่องตัวด้านการเบิกถอน จะคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน แต่จะสะสมยอดไว้และจ่ายให้กับผู้ฝาก ปีละ 2 ครั้ง
จุดเด่น
1. มีความมั่นคง (ตราบใดที่ยังมีการคุ้มครองเงินฝาก)
2. สภาพคล่องสูง ฝาก ถอนเมื่อไหร่ก็ได้
3. มีเงินน้อยก็สามารถฝากได้
4. ได้รับผลตอบแทนแน่นอน
จุดด้อย
1. ผลตอบแทนปานกลาง แต่มักจะน้อยกว่าบัญชีเงินฝากประจำ
2. ต้องเสียภาษีดอกเบี้ย (ในกรณีที่ดอกเบี้ยรับเกิน 20,000 บาท ต่อปี)
#2 เงินฝากประจำ
เป็นบัญชีที่เหมาะสำหรับบุคคลที่ออมแบบมีระยะเวลาแน่นอน เช่น ระยะเวลาฝาก 3 6 เดือน ถึง 1 ปี เป็นต้น บัญชีเงินฝากประจำจะได้รับดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ เพราะเป็นเงินฝากที่มีระยะเวลานาน ทำให้ธนาคารสามารถนำไปหาผลประโยชน์ได้สะดวกกว่าเงินฝากประเภทอื่น
จุดเด่น
1. มีความมั่นคง (ตราบใดที่ยังมีการคุ้มครองเงินฝาก)
2. ได้รับดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์
3. ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน
4. สามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้
จุดด้อย
1. ต้องเสียภาษีดอกเบี้ย
2. เงินฝากถูก Lock ไว้ เพราะฉะนั้นอาจเสียโอกาสที่จะนำไปฝากที่อื่น หากดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต
3. ถ้าถอนก่อนกำหนด อาจได้ดอกเบี้ยเพียงนิดเดียว
#3 เงินฝากกระแสรายวัน
เป็นบัญชีที่มีความคล่องตัวสูง เบิกถอนหรือโอนให้บุคคลอื่นได้โดยการสั่งจ่ายเช็ค เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการความสะดวก ซึ่งปกติธนาคารจะไม่ให้ดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากประเภทนี้ เพราะว่าบัญชีประเภทนี้ให้ประโยชน์ทางอ้อมที่ไม่เป็นตัวเงินกับผู้ฝาก
จุดเด่น
1. สะดวก สภาพคล่องสูง
2. ใช้ร่วมกับเช็คได้
3. สามารถขอวงเงินเบิกเกินบัญชีได้
จุดด้อย
1. ไม่ได้รับดอกเบี้ย
ก่อนที่จะเลือกเปิดบัญชีประเภทใดๆ เราควรทำความเข้าใจวัตถุประสงค์ของประเภทบัญชีนั้นให้ดีก่อนนะครับ และเมื่อคุณพอเข้าใจเกี่ยวกับประเภทบัญชีแล้วก็ลองมองหาว่า ประเภทบัญชีแบบไหนที่จะเหมาะกับคุณ หากคุณยังไม่มั่นก็สามารถที่จะสอบถามกับทางพนักงานของธนาคารได้
เทคนิคการลงทุน ที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนนั้นใครว่ามันไม่มี เพียงแต่การลงทุนที่จะทำให้เงินก้อนเล็กๆกลายเป็น เงินก้อนโต ได้โดยไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียวนั้น มันค่อยข้างจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น วันนี้เราเลยจะมาพูดถึงเทคนิคบางส่วนที่จะมาช่วยในการทำให้เงินก้อนเล็ก ๆ ที่คุณมีนั้นกลายเป็นเงินก้อนโตได้ ถ้าหากคุณพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลย
ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนที่สุด
การที่เราจะเก็บเงิน หรือแม้กระทั้งการจะลงทุนกับอะไรก็ตาม เราจะต้องมีเป้าหมายในการจะทำสิ่ง ๆ นั้นด้วยว่า เราทำไปเพื่ออะไร และเป้าหมายของการลงทุนครั้งนี้คืออะไร ซึ่งการที่เรา ตั้งเป้าหมาย ได้นั้นจะช่วยให้เรา วางแผนการลงทุน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ดียิ่งขึ้น
ควรมีเงินสำรองในกรณีฉุกเฉิน
สิ่งนี้เป็นอีกสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในกรณีที่เิกดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เราควรที่จะมี เงินสำรองและแผนสำรอง เผื่อไว้ด้วย เพราะในทุก ๆ การลงทุน ย่อมมีช่วงเวลาที่เกิดเหตุที่ไม่เป็นไปต่างแผนของเราแน่นอน การมีเงินสำรองไว้จะช่วยให้เราสามารถจัดการกับปัญหาต่าง ๆ เหล่านั้นได้ไม่มากก็น้อยนั้นเอง
ศึกษา/หาข้อมูล เกี่ยวกับสิ่งที่จะลงทุน
หากเราลงทุนในสิ่งที่ตัวเองชอบหรือสิ่งที่เรารู้จริงจะทำให้เราสนุกกับสิ่งนั้นไปได้นาน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมากเลย มันจะทำให้คุณเดินไปเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างรวดเร็ว ดีกว่าการมานั่งศึกษาในสิ่งที่คุณไม่รู้เลยใหม่ตั้งแต่ต้น นอกจากการหาข้อมูลแล้ว การที่เรามีที่ปรึกษาเพื่อขอคำแนะนำที่ดีด้วยนั้น จะช่วยให้เราเอาความรู้ใหม่ ๆ หรือคำแนะนำต่าง ๆ มาช่วยในการพัฒนาหรือแก้ปัญหาได้ในการลงทุนของเราได้ด้วย
การวางแผนการลงทุน
การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง หลาย ๆ คนคงจะเคยได้ยินประโยคแบบนี้มาไม่ใช่น้อย และการลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนการลงทุนของเรานั้นเอง การที่เรามีเงินที่จะลงทุนจำกัด ควรจะนำเงินไปลงทุนในด้านของการฝากเงินออมทรัพย์ ส่วนคนที่มีเงินมากพอที่จะรับความเสี่ยงนั้นได้ อาจจะมีการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศเลยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ไม่แย่เหมือนกัน แต่ย้ำนะว่าเหมาะสำหรับคนที่พอจะรับความเสี่ยงที่สูงได้ เท่านั้น!!!
เลือกทำธุรกิจเล็ก ๆ
การจะเริ่มทำการลงทุนโดยไม่มีประสบการณ์ด้านนั้นเลย ถือว่าเป็นการลงทุนที่เสี่ยงต่อการล้มเหลวมาก ๆ การที่จะเริ่มต้นลงลทุนกับธุรกิจเล็ก ๆ จะทำให้เราได้รู้เทคนิค วิธีการบริหาร ปัญหาของการทำธุรกิจ เพราะหากธุรกิจนั้นล้มเหลวก็ยังเสียเงินทุนไม่มากนัก แลกกับประสบการณ์ที่ได้มาก็ถือว่าคุ้มค่ามากเลยทีเดียว และหากเมื่อไหร่ที่ธุรกิจที่ทำอยู่ รอดได้ แล้วหล่ะก็ โอกาสที่คุณจะขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นก็สามารถทำได้ไม่ยากเลย
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนแบบไหนก็อย่าลืม เก็บเงินออม ไว้ด้วยนะ แบ่งสัดส่วนของเงินให้ชัดเจนว่า เงินส่วนไหนที่จะเก็บไว้ลงทุน เงินส่วนไหนที่จะเก็บไว้ออมทรัพย์ เพื่ออนาคตข้างหน้า ยังไงก็ลองมองหาแนวทางการลงทุนของตัวเองดู ทำให้สิ่งที่ชอบ และรักในสิ่งที่ทำ จะทำให้คุณมีความสุขไปพร้อมกับการพัฒนาสิ่งเหล่านั้นไปด้วย
ในปัจจุบันนี้ ใคร ๆ ก็อยากที่จะลงทุน เพื่อหากำไรที่มาจากการลงทุน แต่สิ่งที่ทุกคนต้องรู้ก็คือ ในทุก ๆ การลงทุน เมื่อมี คนที่ได้ ก็ต้องมี คนเสีย ดังนั้น จะมีคนเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นในตลาดหุ้นที่จะได้กำไร ในขณะเดียวกันก็จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ขาดทุน เช่นกัน แน่นอนว่า เราคงไม่อยากจะเป็นกลุ่มคนที่ขาดทุนแน่นอน วันนี้เราเลยจะมาพูดถึงว่า เราจะเริ่มต้นยังไงให้ประสบความสำเร็จในการลงทุนกัน ถ้าพร้อมแล้วเราไปเริ่มกันเลยครับ
สุดท้ายนี้ คุณควรที่จะประเมินดูผลงานของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ วิเคราะห์ผลการลงทุนในช่วง 3 เดือน หรือจะทุก ๆ 1 ปี ว่าเราได้อะไรจากการลงทุนในครั้งนี้ไปบ้าง ตรงไหนดี ตรงไหนที่เราพลาด หรือจุดไหนการลงทุนใดที่ควรปรับปรุง เพียงเท่านี้คุณก็สามารถที่จะเริ่มต้นการลงทุนได้ไม่ยากแล้วครับ
การลงทุนคืออะไร เรามาพบกับการ ลงทุน ในโลกของเราดีกว่า ว่าการลงทุนนั้น มันมีความหมายอะไร มันช่วยอะไรของเรา ดังนั้นเราลองมาทำความรู้จักของการลงทุนไปดีกว่า โดย ใครก็สามารถที่จะลงทุนได้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในเรื่องจอง หุ้น ของเรื่องของ อสังหา หรือว่าการลงทุน เปิดร้าน เปิดร้านขายของ ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกันกว่า ว่ามันคืออะไรกันแน่ และมันช่วยอะไรของเราบ้าง
“การลงทุน” คือ การที่เราต้องใช้เงิน โดยจะเป็นการใช้เงินไม่ว่าจะเป็นวิธีไหน โดยเรานั้น จ่ายเงินไป โดยเป็นการมุ่งหวังว่า พวกเขานั้นจะได้โดยมุ่งหวังจะได้รับ ผลตอบแทนจากการใช้จ่ายนั้นในอนาคต ซึ่งผู้ลงทุนเชื่อว่าเงินสดหรือผลตอบแทน ส่วนเพิ่มที่จะได้รับคืนนั้น จะเป็นการที่จะสามารถทำเงินได้มากกว่า เพราะว่าการที่เราเอาเงินไปไว้ที่ ธนาคาร นั้น อาจจะได้ดอกเบี้ย และไม่มีความเสี่ยง
แต่ว่าในโลกของเรานั้น เงินมีอัตรา ที่เฟ้อขึ้นในทุกๆปี เพราะว่าการที่เราเอาเงินไปไว้ที่ ธนาคาร นั้น มันไม่สามารถที่จะทดแทน อัตราเงินเฟ้อได้ ดังนั้นการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนวิธีไหนก็ตาม จะได้ผลตอบแทนที่มากกว่า อัตรา เงินเฟ้อ อย่างแน่นอน
ดังนั้นการลง หมายถึง การออมเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น แต่ว่าเรานั้นก็ต้องรับความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น ถ้าเกิดว่าเราทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร หรือว่าขาดการศึกษาให้ชำนาญ ก่อนนั้น เราก็อาจจะขาดทุนจาการที่จะลงทุนไปก็ได้ การตัดสินใจนำเงินออมมาลงทุน เราจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี เพื่อที่เราจะได้ไม่ สูญเงินที่เรานำไปลงทุน ดังนั้น ก่อนการลงทุนทุกอย่างนั้น เราควรที่จะ ศึกษา หรือว่าหาวิธี หรือว่าคิดให้รอบคอบก่อนที่จะนำไปลงทุน
โดยปัจจุบันนี้ เราสามารถที่จะลงทุนได้หลากหลายเป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยในตลาดการเงินปัจจุบัน มีทางเลือกสำหรับการลงทุน ให้เราเลือกมากมาย ทั้งสินทรัพย์ทางการเงิน (Financial Assets) ประเภทพันธบัตร หุ้นกู้ หุ้นทุนกองทุนรวมประเภทต่างๆ หรือ สินทรัพย์ที่จับต้องได้ (Tangible Assets) เช่น ทองคำ ที่ดิน อาคาร เครื่องประดับ หรือว่าเสื้อผ้า หรือว่าจะเป็น นาฬิกาหรู ทุกอย่างถือว่าเป็นการลงทุนทั้งหมด
เพระาว่าในปัจจุบันนี้ แบนด์ ไฮเอ็น นั้นมีราคาที่สูงขึ้นมากทุกปี แต่ว่การที่จะลงทุนนั้น
คุณควรที่จะศึกาษให้ รอบรู้ หรือว่าเราถนัด ด้านไหน เราก็สามารถที่จะไปลงทุนในด้านนั้นได้ เช่น ถนัดเรื่องของ นาฬิกา เราก็สามารถที่จะไปซื้อ นาฬิกา และสำหรับนำมาเป็นกำไรได้ เพราะว่า อัตราของ นาฬิกาหรู นั้นมีอัตราที่สูงกว่า อัตรา เงินเฟ้อ ดังนั้น จะจะคุมค่ากับการลงทุน อย่างแน่นอน